จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอังคารที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2562

วิธีเพาะเห็ดปลวก(เห็ดโคน)จากจอมปลวก ได้กินทั้งปี


   หลอกปลวก ให้ได้เห็ดโคนนอกฤดู ทำได้เฉพาะในที่มีจอมปลวก
วิธีทำให้เอารังปลวก(จาวปลวก)1 กำมือ ผสมข้าวเหนียวสุก 1 กิโล และขาเห็ดโคนที่เราตัดทิ้งแล้วไม่เอา หรือเห็ดโคนแก่ แล้วนำมาแช่น้ำ และผสมลงไปที่ข้าวด้วย ถ้าที่ตรงนั้น เคยมีเห็ดโคนเกิดแล้ว ไม่ต้องใส่ก็ได้ เติมน้ำ 20 ลิตรหมักใว้ในถัง แล้วปิดฝา วางในที่ร่มทิ้งใว้ 7-10 วัน
ในถังหมักจะมีจุลินทรีย์โปรโตซัวชนิดหนึ่ง ซึ่งจะขยาย ตัวเป็นฝ้าสีขาวลอยเหนือผิวนําหมัก หลังจากหมักครบ 7 วันแล้วให้เรานํานํ้าจุลินทรีย์จาวปลวกที่ว่านี้ ไปราดที่จอม ปลวกข้างบ้าน คลุมด้วยเศษฟางข้าวหรือเศษใบไม้ เสร็จ แลวให้รดนําพอชื้น อีกประมาณ 10-15 วัน ก็จะมีเห็ดโ คนโผล่ขึ้นมาให้เรารับประทาน ใครสนใจทดลองทำดูนะ
น้ำจุลินทรีย์จาวปลวก ยังสามารถนำมารด พืชผัก ผลไม้ บางคนเอาไปรดบนโคนตันไม้ ก็เกิดเห็ดโคนขึ้นมาได้เหมือนกัน ใช้ในอัตราส่วนประมาณ 1 ลิตร ต่อน้ำ 10 ลิตรใช้ฉีดพ่นเพื่อย่อยสลายเศษวัชพืช (หมักทำปุ๋ยหมัก) หรือย่อยสลายตอซังข้าวก่อนทำการไถประมาณ 7 วัน หลังจากนั้นไถกลบ และ หากจะนำไปรดโคนต้นเพื่อบำรุงพืชผลอื่นๆก็ได้เช่นกัน ในอัตราส่วนข้างต้น ไม่ตายตัวสามารถปรับได้ตามความเหมาะสมกับการใช้งาน






วิธีเพาะเห็ดปลวก(เห็ดโคน)จากจอมปลวก ได้กินทั้งปี


   หลอกปลวก ให้ได้เห็ดโคนนอกฤดู ทำได้เฉพาะในที่มีจอมปลวก
วิธีทำให้เอารังปลวก(จาวปลวก)1 กำมือ ผสมข้าวเหนียวสุก 1 กิโล และขาเห็ดโคนที่เราตัดทิ้งแล้วไม่เอา หรือเห็ดโคนแก่ แล้วนำมาแช่น้ำ และผสมลงไปที่ข้าวด้วย ถ้าที่ตรงนั้น เคยมีเห็ดโคนเกิดแล้ว ไม่ต้องใส่ก็ได้ เติมน้ำ 20 ลิตรหมักใว้ในถัง แล้วปิดฝา วางในที่ร่มทิ้งใว้ 7-10 วัน
ในถังหมักจะมีจุลินทรีย์โปรโตซัวชนิดหนึ่ง ซึ่งจะขยาย ตัวเป็นฝ้าสีขาวลอยเหนือผิวนําหมัก หลังจากหมักครบ 7 วันแล้วให้เรานํานํ้าจุลินทรีย์จาวปลวกที่ว่านี้ ไปราดที่จอม ปลวกข้างบ้าน คลุมด้วยเศษฟางข้าวหรือเศษใบไม้ เสร็จ แลวให้รดนําพอชื้น อีกประมาณ 10-15 วัน ก็จะมีเห็ดโ คนโผล่ขึ้นมาให้เรารับประทาน ใครสนใจทดลองทำดูนะ
น้ำจุลินทรีย์จาวปลวก ยังสามารถนำมารด พืชผัก ผลไม้ บางคนเอาไปรดบนโคนตันไม้ ก็เกิดเห็ดโคนขึ้นมาได้เหมือนกัน ใช้ในอัตราส่วนประมาณ 1 ลิตร ต่อน้ำ 10 ลิตรใช้ฉีดพ่นเพื่อย่อยสลายเศษวัชพืช (หมักทำปุ๋ยหมัก) หรือย่อยสลายตอซังข้าวก่อนทำการไถประมาณ 7 วัน หลังจากนั้นไถกลบ และ หากจะนำไปรดโคนต้นเพื่อบำรุงพืชผลอื่นๆก็ได้เช่นกัน ในอัตราส่วนข้างต้น ไม่ตายตัวสามารถปรับได้ตามความเหมาะสมกับการใช้งาน






ลองกันยัง?! เลี้ยงมดแดง แบบคอนโด 10-15 วันสร้างรายได้ หลายหมื่นบาท





ลองกันยัง?! เลี้ยงมดแดง แบบคอนโด 10-15 วันสร้างรายได้ หลายหมื่นบาท
วิดีโอแสดงการเลี้ยงมดแดงในขวดพลาสติก หรือคอนโดมดแดงนั้นเอง..
 

ถ้าพูดถึงไข่มดแดงล่ะก้อ ถือเป็นสุดยอดของอาหารพื้นบ้านเลยทีเดียว ด้วยรสชาติที่เฉพาะตัว นำไปประกอบอาหารได้หลากหลาย ให้รสชาติที่หวานมัน ทำให้ไข่มดแดงมีราคาสูงถึง 300-500 บาทต่อกิโลกรัมเลยทีเดียว การที่จะได้ไข่มดแดงมากินนั้นต้องไปเสาะหาแหย่ตามรังตามต้นไม้สูงทำให้เป็นอาหารที่หายาก แต่ปัจจุบันนี้ไม่ต้องไปลำบากลำบนแล้วครับ มีนวัตกรรมใหม่ นั้นก็คือการทำบ้านให้มดแดงด้วยขวดพลาสติก ทำให้ง่ายต่อการเก็บไข่มดแดง นั้นก็คือการเลี้ยงไข่มดแดงแบบคอนโด...

 
 

การทำคอนโดไข่มดแดงนั้นง่ายนิดเดียว แค่นำขวดน้ำอัดลมมาตัดคอขวดแล้วกลับด้าน นำไปประกบกับส่วนก้นขวด แล้วหาอะไรยึดให้สองส่วนนี้ติดกัน โดยในขวดนี้ต้องใส่อาหารของมดแดง เช่น แมลง หรืออาจจะใส่ พวกปลา หรือเนื้อก็ได้ เพื่อล่อให้มดแดงเข้ามาอยู่ จากนั้นนำขวดอีกใบ ใส่น้ำผสมน้ำหวานหรือน้ำตาล ปาดขวดเป็นช่องให้มดแดงเข้าไปกินน้ำได้ จากนั้นนำขวดทั้งสองไปแขวนไว้ใต้ต้นไม้ที่มีมดแดงอาศัยอยู่ ให้สูงจากพื้นประมาณ 1 เมตร เมื่อมดแดงได้กลิ่นอาหารและกลิ่นน้ำหวานก็จะพากันอพยพมาอยู่ในขวด ทำให้ง่ายต่อการเก็บไข่มดแดง โดยคอนดดไข่มดแดงแต่ละขวดสามารถให้ผลผลิตไข่มดแดงได้ 2-3 ขีดเลยทีเดียว....
 
 เมื่อมดแดงได้กลิ่นอาหารและน้ำหวานที่เราแขวนไว้ก็จะพากันอพยพเข้าไปอยู่ในขวด....


คอนโดมดแดงที่เราแขวนไว้สามารถให้ผลผลิตไข่มดแดงสูงถึง 3-4 ขีดเลยทีเดียว...


ไข่มดแดงขาวๆอวบๆเม็ดเป้งๆ เหมาะสำหรับนำไปประกอบอาหาร


ก้อยไข่มดแดงเมนูยอดฮิตแสนอร่อย


แกงผักหวานใส่ไข่มดแดงรสกลมกล่อมน่าทานที่สุด...


ทอดไข่ใส่ไข่มดแดง อีกเมนูที่แนะนำ หอมหวานมัน อร่อย...


Cr: http://farmfriend.blogspot.com/
 

7 ผักสลัดที่ปลูกเองได้ที่บ้าน ด้วยวิธีเพาะเมล็ดง่ายๆ ทำกินก็ได้ ทำขายก็ดี



7 ผักสลัดที่ปลูกเองได้ที่บ้าน ด้วยวิธีเพาะเมล็ดง่ายๆ ทำกินก็ได้ ทำขายก็ดี

เวลาที่ไปซื้อผักที่ตลาด บางครั้งเราก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่ามีสารปนเปื้อนอะไรมากับผักบ้าง คงไม่ดีแน่หากเราต้องบริโภคผักที่มีแต่สารปนเปื้อน เพราะสารเคมีอาจจะไปสะสมในร่างกาย ทำให้เรามีภูมิคุ้มกันที่ไม่แข็งแรง คงจะดีไม่น้อยหากเราสามารถปลูกผักไว้กินเองที่บ้านเพราะจะได้มั่นใจว่าเป็นผลผลิตที่ปลอดภัย 100% จริงๆ
สำหรับคนรักสุขภาพที่อยากมีผักสดๆ ไว้ทานกันที่บ้าน วันนี้ ในบ้าน ก็มี 7 ผักสลีดที่ปลูกเองได้ที่บ้าน มาฝากชาวเว็บกันครับ โดยผักแต่ละชนิดจะมีวิธีเพาะเมล็ดง่ายๆ พร้อมทั้งวิธีเอาไปปลูกลงบนดินด้วย ตามมาดูกันเลยว่ามีวิธีอย่างไรบ้างครับ

1. ผักกาดคอส (Cos Lettuce)

7-salad-vegs-that-we-can-grow-in-garden-1

     หนึ่งในผักสลัดยอดนิยมของคนรักสุขภาพ ลักษณะลำต้นเป็นกอ มีทั้งใบเรียวยาวและใบกลมบาง ออกใบเรียงซ้อนสลับกันเป็นช่อ ปลูกโดยนำเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์มาเพาะในกระถางต้นกล้าที่มีดินร่วนที่ระบายน้ำได้ดี ผสมปุ๋ย และวัตถุอินทรีต่าง ๆ โดยฝังเมล็ดลงในดินให้ลึก 1/8 นิ้ว ลำต้นจะงอกขึ้นมาประมาณ 1 นิ้ว ภายใน 3-4 สัปดาห์ จากนั้นก็ทำการย้ายต้นกล้ามาปลูกในกระถางใหญ่ แต่ก่อนย้ายแนะนำให้ลดปริมาณน้ำและอุณหภูมิโดยรอบลงเล็กน้อยเป็นเวลา 3 วันก่อนย้ายลงกระถางใหญ่ เพื่อให้ต้นกล้านั้นสมบูรณ์แข็งแรง หลังย้ายเสร็จควรตั้งกระถางให้อยู่ในที่ที่มีแดดรำไร ดูแลรดน้ำให้ดินชุ่มชื่นอยู่ตลอดเวลา อย่าปล่อยให้ดินแห้งจนเกินไป และบำรุงด้วยปุ๋ยไนโตรเจนผสมน้ำให้ผลผลิตงอกงาม หลังจากเพาะเมล็ดแล้วนับไปอีก 70-75 วัน ก็สามารถเก็บมากินได้

2. ผักกาดหอมบัตเตอร์เฮด (Butterhead Lettuce)

7-salad-vegs-that-we-can-grow-in-garden-2

ผักกาดหอมบัตเตอร์เฮด มีลักษณะเป็นหัว ออกใบเรียงซ้อนสลับกัน และมีเนื้อสัมผัสนุ่มนวล วิธีปลูกเริ่มจากเพาะเมล็ดในกระถางเพาะกล้าให้ต้นเจริญเติบโตแข็งแรงและมีความสูงประมาณ 4 นิ้ว ซึ่งในระหว่างที่เพาะควรตั้งกระถางไว้ในที่ร่ม หลังจากนั้นก็ย้ายมาปลูกในกระถางใบใหญ่ที่มีดินร่วนระบายน้ำได้ดีผสมกับปุ๋ยคอกและใบไม้  ตั้งกระถางให้อยู่ในที่ที่มีแดดส่องถึงหรือมีแดดรำไร ดูแลรดน้ำให้ดินชุ่มชื่นแต่อย่าแฉะจนมีน้ำขัง สามารถเก็บเกี่ยวผลิตได้ภายใน 65-80 วัน หลังเพาะเมล็ด

3. ผักกาดแก้ว (Iceberg Lettuce) crisphead

7-salad-vegs-that-we-can-grow-in-garden-3

   แม้ว่าผักกาดแก้วจะเป็นผักสลัดเมืองหนาว แต่ถ้าเราดูแลเป็นอย่างดีก็จะงอกงามได้เหมือนกัน โดยนำเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์มาเพาะลงในถาดเพาะกล้า หลุมละประมาณ 2-3 เมล็ด ดูแลรดน้ำให้ดินชุ่มแต่อย่าแฉะ และตั้งถาดไว้ในที่ร่ม ต้นอ่อนจะเริ่มเจริญเติบโตขึ้นมาภายใน 5-10 วัน ตัดต้นอ่อนที่ไม่แข็งแรงทิ้งไป ให้เหลือแต่ต้นที่แข็งแรงที่สุดของแต่ละหลุม แล้วนำมาปลูกในกระถางใบใหญ่ใส่ดินร่วนผสมปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก เศษใบไม้แห้ง และเศษอินทรีอื่น ๆ ตั้งกระถางอยู่ในที่ร่ม อย่าปล่อยให้ตากแดดมากไป ไม่เช่นนั้นใบจะไหม้เอาได้ ดูแลรดน้ำให้ดินชุ่มชื่นอยู่ตลอดเวลา แต่ต้องไม่แฉะจนเกินไป หมั่นบำรุงด้วยปุ๋ยไนโตรเจนผสมน้ำเพื่อให้ผลผลิตงอกงาม เมื่อผักกาดมีขนาดหัวที่ใหญ่ หนา และใบขึ้นซ้อนแน่นเต็มที่ก็สามารถเก็บกินได้เลย

4. ผักกาดคอรัล (Red Leaf Lettuce)

7-salad-vegs-that-we-can-grow-in-garden-4

    ผัดกาดเรดคอรัล มีลักษณะเป็นทรงพุ่ม ใบหยัก และมีสีน้ำตาลอมแดง เนื้อสัมผัสนุ่ม ส่วนวิธีการปลูกจะคล้ายกับการปลูกผักกาดคอส โดยการเพาะเมล็ดในกระถางหรือถาดเพาะกล้า ที่มีดินร่วนผสมเศษใบไม้และวัตถุอินทรีต่าง ๆ ต้นอ่อนจะเจริญเติบโตสูง 1 นิ้ว ภายใน 3-4 สัปดาห์ ก่อนย้ายกระถางอย่าลืมลดน้ำและอุณหภูมิโดยรอบเพื่อให้ต้นแข็งแรงซะก่อน แล้วค่อยย้ายมาปลูกในกระถางที่มีดินร่วนผสมปุ๋ยคอก ใบไม้ หรือเศษอินทรี ตั้งกระถางเอาไว้ในที่ที่มีแดดรำไร ดูแลรดน้ำแบบให้ดินชุ่มชื่นและฉีดพ่นน้ำเพื่อลดอุณหภูมิโดยรอบ เลือกใช้ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนปานกลางจะได้ไม่รุนแรงจนเกินไป หลังจากเพาะเมล็ดและนับไปอีก 45-55 วัน ก็ถึงเวลาเก็บผักมากินได้

5. ชิโครรี (Chicory)

7-salad-vegs-that-we-can-grow-in-garden-5

     ชิโครรี มีลักษณะลำต้นเรียวยาว ออกใบยาว ขอบใบหยับ และมีรสขมเล็กน้อย ปลูกโดยนำเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์มาฝังในกระถางเพาะกล้าใส่ดินร่วนผสมปุ๋ยคอกและวัตถุอินทรีต่าง ๆ ตั้งเอาไว้ในที่แดดรำไร ดูแลรดน้ำให้ดินชุ่ม รวมทั้งให้ปุ๋ยละลายน้ำทุก 2 สัปดาห์ ต้นอ่อนจะเจริญเติบโตสูงประมาณ 7-11 นิ้ว จากนั้นนำไปปลูกในกระถางใบใหญ่ที่มีดินร่วน ปุ๋ยคอก และอินทรีวัตถุอื่น ๆ  ดูแลรดน้ำตามปกติ หลังจากลงเมล็ดปลูกได้สัก 60-70 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้

6. เรดิชิโอ (Radicchio)

7-salad-vegs-that-we-can-grow-in-garden-6

    เรดิชิโอ เป็นผักในตระกูลผักกาด มีลักษณะคล้ายหัวกะหล่ำ ออกใบสีม่วงอมแดง มีเส้นใบสีขาว วิธีปลูกให้นำเมล็ดมาเพาะต้นอ่อนในกระถางเพาะ ที่มีดินร่วนผสมปุ๋ยและวัตถุอินทรีต่าง ๆ อย่าฝังเมล็ดให้ลึกจนเจอไป รดน้ำให้หน้าดินชุ่มชื่นอยู่เสมอ เมื่อต้นอ่อนงอกขึ้นมา 1 นิ้ว ให้ตัดต้นอ่อนที่ไม่แข็งแรงทิ้งไป ให้เหลือแต่ต้นที่แข็งแรงที่สุดไว้ แล้วย้ายลงมาปลูกในกระถางใหญ่ที่มีดินร่วนผสมปุ๋ยและวัตถุอินทรีเหมือนเดิม ตั้งกระถางในที่ที่มีแดดรำไร ดูแลรดน้ำอย่าปล่อยให้ดินแห้ง ให้ดินมีความชุ่มชื่นอยู่เสมอ หลังจากเพาะเมล็ดเรียบร้อยแล้ว ก็นับไปอีก 80-90 วัน จึงจะเก็บกินได้

7. เรดโอ๊คและกรีนโอ๊ค (Red Oak, Green Oak)

7-salad-vegs-that-we-can-grow-in-garden-7

         เรดโอ๊คและกรีนโอ๊ค เป็นผักสลัดยอดนิยมอีกหนึ่งชนิด ที่มีทั้งใบสีแดงและใบสีเขียว ออกใบซ้อนกัน ขอบใบหยัก ลำต้นอวบสั้น และเนื้อสัมผัสนุ่ม สามารถเจริญเติบโตในดินที่มีค่าความเป็นกรดอยู่ที่ 6.0-6.5 หากจะปลูกให้นำเมล็ดที่สมบูรณ์มาปลูกลงในกระถางธรรมดา หรือจะแยกปลูกในกระถางเพาะกล้าก่อนก็ได้ ฝังเมล็ดลงในดินร่วนที่ผสมปุ๋ยและอินทรีย์ต่าง ๆ ให้ลึกประมาณ 4 นิ้ว กลบดินทับบาง ๆ จากนั้นรดน้ำให้ชุ่มแต่อย่าแฉะ ตั้งในที่แดดรำไร เมื่อต้นอ่อนงอกสูง 1-2 นิ้ว ถ้าเลือกวิธีเพาะต้นกล้าก็สามารถย้ายมาปลูกในกระถางใหญ่ในตอนนี้ได้เลย แล้วตั้งกระถางให้ในที่ที่มีแดดส่องถึง หมั่นรดน้ำให้ดินชุ่มชื่น และให้สารอาหารแก่พืชด้วยปุ๋ยละลายน้ำ ผักสลัดชนิดนี้เจริญเติบโตเร็ว สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตหลังจากเพาะเมล็ด ภายใน 10-14 วัน 

ต้นไม้ 9ชนิด ที่ปลูกในห้องนอนได้ ช่วยให้หลับสนิททุกคืน



ต้นไม้ปลูกในห้องนอน
ต้นไม้ที่ปลูกในห้องนอนได้ เพราะไม่ได้ช่วยฟอกอากาศให้บริสุทธิ์และทำให้นอนหลับสนิทขึ้นเท่านั้น แต่ต้นไม้ที่ปลูกในห้องนอนได้เหล่านี้ยังช่วยลดความเครียดและสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ด้วย 
        เบื่อไหมกับการนอนหลับไม่สนิท ตื่นมาตอนเช้าก็ยังรู้สึกงัวเงียเหมือนนอนไม่พอ มาแก้ปัญหานี้พร้อมกันด้วยการนำต้นไม้ที่ปลูกในห้องนอนได้มาปลูกกันเถอะ รับรองว่าจะช่วยให้หลับสนิทพร้อมตื่นมาเต็มตาแน่นอน เพราะต้นไม้ที่ปลูกในห้องนอนได้เหล่านี้ไม่ได้ช่วยฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ เพื่อปรับบรรยากาศให้เหมาะแก่การนอนหลับเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความตึงเครียดพร้อมสารพิษต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดภูมิแพ้อีกด้วย 
ต้นไม้ปลูกในห้องนอน
1. มะลิ
          กลิ่นหอม ๆ มะลิช่วยปลอบประโลมจิตใจ ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย แถมยังช่วยลดความเครียด ไม่สะดุ้งตื่นกลางดึก ทำให้นอนหลับได้อย่างเต็มที่ ตื่นมาด้วยความสดชื่นพร้อมใช้ชีวิต ส่วนวิธีปลูกเพื่อนำไปประดับในห้องนอนก็ทำได้ง่าย ๆ โดยปลูกต้นมะลิลงในกระถางที่มีดินร่วนผสมกับปุ๋ยคอกในอัตราที่เท่ากัน ดูแลด้วยการรดน้ำปานกลางทั้งเช้าและเย็น และตั้งให้โดนแดดบ้าง
ต้นไม้ปลูกในห้องนอน
2. ลิ้นมังกร
          ต้นไม้ที่เหมาะกับการปลูกในห้องนอนมากทีเดียว เพราะต้นลิ้นมังกรจะคายออกซิเจน ดูดสารพิษและคาร์บอนไดออกไซด์ในช่วงกลางคืน ทำให้ร่างกายได้รับอากาศบริสุทธิ์อย่างเต็มปอดและนอนหลับสนิทมากขึ้น วิธีการปลูกที่ง่ายที่สุดคือ การปักชำ โดยตัดลิ้นมังกรจากต้นพันธุ์มา 1 ใบ ความยาวประมาณ 10 เซนติเมตร ปักลงดิน 1 ส่วน ที่ผสมด้วยทราย 0.5 ส่วน และขุยมะพร้าว 2 ส่วน ดูแลรดน้ำปานกลางวันละ 1 ครั้ง และตั้งให้โดดแดดในเวลากลางวัน

ต้นไม้ปลูกในห้องนอน
3. ว่านหางจระเข้
          เป็นหนึ่งในพันธุ์ไม้อมตะที่คนอิยิปต์นิยมนำมาใช้ เพราะนอกจากจะช่วยดูแลความงามและใช้รักษาแผลผิวหนังได้แล้ว ว่านหางจระเข้ก็ยังช่วยให้คุณนอนหลับได้ดีขึ้นอีกด้วย เพราะว่านหางจระเข้จะคายออกซิเจนออกมาในตอนกลางคืน แถมยังดูแลง่าย หากจะปลูกเพื่อนำมาตั้งในห้องนอน ให้เตรียมดินมาผสมกับปุ๋ยคอกและขุยมะพร้าวลงในกระถาง แล้วทำการแยกหน่อจากต้นที่สมบูรณ์บางส่วนมาปักลงในกระถางที่เตรียมไว้ อย่ากลบดินจนแน่เกินไป ดูแลลดน้ำเพียงเล็กน้อย แล้วนำออกไปตากแดดรำไร เพราะถ้าแดดจัดไปต้นจะไหม้

ต้นไม้ปลูกในห้องนอน
4. เศรษฐีเรือนใน
          ฟังแค่ชื่อก็น่าหามาปลูกแล้วใช่ไหมคะ เศรษฐีเรือนในจัดว่าเป็นไม้ดูดสารพิษในอาคาร ที่ทางองค์กรนาซาได้ทำการวิจัยแล้วว่า มันมีคุณสมบัติช่วยกำจัดสารฟอร์มาลดีไฮด์ สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งในอากาศได้ถึง 90% ซึ่งเป็นสารที่มาจากวัสดุก่อสร้างภายในบ้าน หากนำเศรษฐีเรือนในมาตั้งไว้ในห้องนอน ก็จะช่วยกำจัดสารพิษพวกนี้ให้หมดไป พร้อมกับผลิตออกซิเจนให้เราได้นอนหลับสบาย วิธีการปลูกให้นำต้นอ่อนจากไหลไปปลูกลงในกระถางที่มีดินร่วมซุยผสมทรายและเศษหิน ดูแลรดน้ำปานกลางและตั้งให้โดนแดดรำไร   
ต้นไม้ปลูกในห้องนอน
5. เดหลี
          เพราะต้นไม้สวย ๆ ต้นนี้จะช่วยกรองสาพิษอย่าง เบนซิน ไตรคลอโรเอทิลีน และฟอร์มาลดีไฮด์ในอากาศได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังผลิตความชื้นในอากาศให้เพิ่มขึ้น 5% เพื่อกำจัดเชื้อโรคในอากาศที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ พร้อมบรรเทาการระคายเคืองระบบทางเดินหายใจทำให้นอนหลับสบายตลอดทั้งคืน ปลูกง่าย ๆ โดยแยกกอจากต้นที่สมบูรณ์มาปลูกลงในกระถางที่มีดินร่วน 2 ส่วน ทราย 1 ส่วน เศษไม้ผุ 1 ส่วน และปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก 1 ส่วน ดูแลรดน้ำให้พอชุ่มแต่อย่าแฉะทุกวัน ตั้งให้โดนแดดรำไร และอย่าลืมละลายปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกในน้ำเปล่าเพื่อรดบำรุงต้นเดือนละ 2 ครั้งด้วยนะคะ
ต้นไม้ปลูกในห้องนอน
6. ปาล์มไผ่
          ต้นไม้ต้นเล็ก ๆ ที่มีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศได้ดีเยี่ยม แถมยังช่วยกำจัดสารพิษที่ปะปนอยู่ในอากาศได้อีกต่างหาก ทำให้ได้หายใจด้วยอากาศบริสุทธิ์ทั้งในยามตื่นและยามหลับ ส่วนการปลูกก็ง่าย คือการนำหน่อที่มีราก 3 ราก มาปลูกลงในกระถางที่ดินร่วนซุย 2 ส่วน ปุ๋ยหมัก 1 ส่วน ทราย 1 ส่วน และเศษไม้ผุอีก 1 ส่วน ดูแลรดน้ำให้ชุ่มแต่อย่าแฉะเพียงวันละ 1 ครั้ง ตั้งให้อยู่ที่โดนแดดโดยตรง 

ต้นไม้ปลูกในห้องนอน
7. พลูด่าง
          ไม้ประดับที่นอกจากจะมีรูปร่างสวยงามคล้ายรูปหัวใจแล้ว มันยังคุณสมบัติที่น่าทึ่งอีกต่างหาก เพราะช่วยลดฝุ่นในอากาศได้ถึง 94% และเชื้อราในอากาศได้ 78% นอกจากนี้นี้หากนำพลูด่างมาปลูกไว้ในห้องนอน ก็จะช่วยฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ นอนหลับได้อย่างสบาย ไร้อาการภูมิแพ้หรือหอบหืดรบกวน โดยนำต้นที่สมบูรณ์มาปลูกลงในดินผสมแกลบ ขุยมะพร้าว หรือเศษใบไม้ ในอัตราส่วนที่เท่ากัน หากจะปักในแจกันก็ใช้แค่น้ำสะอาดเพียงอย่างเดียวก็พอค่ะ

ต้นไม้ปลูกในห้องนอน
8. เยอบีร่า
          ต้นไม้ปลูกในห้องนอนที่นอกจากจะช่วยช่วยฟอกอากาศให้สดชื่น ยังข่วยลดสารที่ทำให้เกิดภูมิแพ้และหอบหืดได้เป็นอย่างดี ช่วยให้นอนหลับสบายมากขึ้น ปลูกโดยการแยกหน่อที่มี 1 ยอด และมีราก 3 รากออกมา เล็มรากและใบออกนิดหน่อยเพื่อลดการคายน้ำ แล้วนำมาปลูกลงในดินผสมทรายและขุยมะพร้าว ระวังอย่าให้ดินกลบยอด ดุแลรดน้ำให้ชุ่มแต่อย่าแฉะ และตั้งในที่ร่ม มีแดดรำไร

ต้นไม้ปลูกในห้องนอน
9. วาสนา
          ต้นไม้มงคลที่ช่วยฟอกอากาศในห้องนอน แถมยังช่วยดูดสารพิษอย่าง ไซลีน ฟอร์มาลดีไฮด์ โทลูอีน เบนซิน และไทรคลอโรเอทิลีน ทำให้หายใจสะดวก และส่งผลให้นอนหลับสบาย วิธีปลูกก็ไม่ยาก เริ่มจากผสมดินร่วน 1 ส่วน ปุ๋ยหมัก 1 ส่วน และแกลบ 1 ส่วน ใส่ลงในกระถางขนาด 10-18 นิ้ว แล้วนำต้นพันธุ์ที่สมบูรณ์มาปลูก หมั่นรดน้ำทั้งเช้า-เย็น และตั้งในที่ที่มีแดดรำไร

          หากใครที่กำลังหาทางรักษาอาการนอนไม่หลับ นอนหลับ ๆ ตื่น ๆ หรือรู้สึกตื่นไม่ค่อยเต็มตา นั่นอาจเป็นเพราะว่าบรรยากาศในห้องนอนไม่ดีพอ ลองหาต้นไม้ที่ปลูกในห้องนอนได้มาปลูกดูสักต้นสองต้น รับรองว่าจะช่วยให้นอนหลับอย่างเต็มที่ พร้อมตื่นมาด้วยความสดชื่นในทุก ๆ เช้าอย่างแน่นอน